วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

7 อาหารดูแลสุขภาพ

 1.บรรเทาไอกับ 'น้ำผึ้ง'

          การศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเพนชิลเวเนียเคยชี้ว่า น้ำผึ้งแท้สีน้ำตาลประมาณ 2 ช้อนชา อาจมีประสิทธิภาพมากกว่ายาแก้ไอ สำหรับเด็ก ๆ ที่มีอาการไอไม่รุนแรงนัก คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและต้านจุลชีวะของน้ำผึ้งอาจจะช่วยบรรเทาอาการ อักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอได้

 2.เครียดเหรอ? กิน 'กล้วย' สิ!



          ครั้งต่อไปที่รู้สึกเหมือนสติขาดผึงให้ลองหยิบกล้วยมากินสักผลหนึ่ง ในกล้วยผลขนาดกลางมีน้ำตาลแค่ 14 กรัมกับ 105 แคลอรี แต่มันสามารถทำให้คุณแฮปปี้ได้เ นื่องจากระดับน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นอย่างพอเหมาะ และวิตามินบี 6 อีก 30% ของที่เราต้องการในแต่ละวันจะช่วยให้สมองผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน ซึ่งช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย

 3.ความดันโลหิตสูง ลอง 'ลูกเกด' ดูมั้ย?


          ลูกเกด 60 เม็ด หรือประมาณหนึ่งกำมือ มีใยอาหารถึง 1 กรัม และโพแทสเซียม 212 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่ได้รับการแนะนำในสูตร Dietary Approaches to Stop Hypertension-DASH) (แปล : หยุดความดันโลหิตสูงด้วยการใช้อาหารการกิน) นอกจานี้ ยังมีการศึกษามากมายที่แสดงว่า โพลีฟีนอลในอาหารที่ทำมาจากองุ่น เช่น ไวน์ น้ำผลไม้ และลูกเกดเอง ก็มีประสิทธิภาพในการบำรุงหลอดเลือดหัวใจ รวมถึงช่วยลดระดับความดันโลหิตด้วย

 4.ลดท้องมวนด้วย 'กะเพรา'



          ในกะเพรามีสารชื่อว่า ยูจีนอล ซึ่งอาจช่วยให้ระบบขับถ่ายห่างไกลจากอาการคลื่นเหียนปวดท้อง หรืออาการท้องผูก เนื่องจากมันฆ่าเชื้อแซลโมเนลลาและเชื้อลิสเตอเรีย นอกจากนี้ ดร.มิลเดรต แมตต์เฟลด์-บีแมน จาก Saint Louis University ยังชี้ว่า ยูจีนอลมีคุณสมบัติ Antispasmodic ซึ่งช่วยป้องกันตะคริวได้ และเราเองก็กินได้ง่าย ๆ อย่างเช่น เด็ดใบสดแล้วใส่ลงในสลัดหรืออาหารอื่น ๆ

 5.ให้ 'กะหล่ำปลี' ดูแลกระเพาะของคุณ

          ในปี 2002 การศึกษาจาก John Hopkins School of Medicine พบว่า ชัลโฟราเฟนในกะหล่ำปลีจะสกัดกั้นแบคทีเรีย H.Pylori ซึ่งทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร ก่อนที่มันจะเข้าไปในกระเพาะ และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกในกระเพาะอาหารด้วย ซึ่งกะหล่ำปลีเพียงหนึ่งถ้วยให้ใยอาหารถึง 3 กรัม และวิติมนซี 75% ของที่ร่างกายต้องการต่อวันเชียวนะ

 6.ดับอาการร้อนวูบวาบด้วย 'ชาคาโมมายล์'



          ชาคาโมมายล์จะช่วยลดอาการอักเสบในระบบย่อยอาหารขับลม และลดอาการกระตุก แต่แน่นอนว่าแก้วเดียวอาจจะใช้ไม่ได้ผล ให้ใช้สมุนไพร 2 ช้อนชาต่อน้ำร้อน 10 ออนซ์ และควรปิดฝาถ้วยไว้เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยยังคงอยู่
 
 7.'น้ำส้ม' แก้อ่อนเพลีย


          ฟรักโทสในน้ำส้มขนาด 4 ออนซ์ เป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่ทำให้คุณสดใสอย่างดีเยี่ยม อาจเป็นเพราะวิตามินซีในน้ำส้มมีคุณสมบัติช่วยต่อสู้กับความเสียหายที่เกิด จากอนุมูลอิสระ และวิตามินซีก็มีส่วนสำคัญในการเผาผลาญธาตุเหล็ก ซึ่งจะช่วยพาออกซิเจนไปตามกระแสเลือดเพื่อเลี้ยงร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้มากขึ้น



ข้อมูลอ้างอิง : http://www.healthupdatetoday.com

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

ครีเอทีฟอาสา..

ครีเอทีฟอาสา




iCARE Award 2012 “ครีเอทีฟอาสา”

Creative Volunteer Contest
อาสาเปลี่ยนโลก...ด้วยไอเดียโดน+ดี



ชวนครีเอทีฟทุกรุ่น มาคิดดีคิดโดน
สร้างสรรค์แคมเปญโปรโมท 4 กิจการเพื่อสังคม !!!

ชิงรางวัลและเงินทุนเพื่อผลิตเป็นสื่อจริง
รวมกว่า 900,000 บาท
โดยเปิดโอกาสให้ทุกๆคนโดยไม่จำกัดอายุ การศึกษา 
ทีมละไม่เกิน 5 คน กิจการเพื่อสังคมในรูปแบบใหม่
พร้อมด้วยคําแนะนําจากวิทยากรและที่ปรึกษา 
ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการ
อีกหนึ่งไอเดียดีๆ เพื่อโลกที่เราแคร์ โดย
องค์กรสร้างสรรค์เพื่อสังคม iCARE 
ร่วมกับ
สำนักงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ(สกส.)
สนับสนุนโดย 
แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น



รูปภาพการประชาสัมพันธ์






*******************************



             เราเชื่อว่าสังคมไทยจะเป็นสังคมอุดมไปด้วยความรักความสุข
 มีความมั่นคง และพัฒนาก้าวหน้าต่อไปได้ เพราะทุกคนร่วมสร้างสังคมนี้ขึ้นมา 
ไม่จำกัดว่าเป็นวัยไหนหรืออยู่ในหน้าที่การงานใด เราต่างมีความมุ่งมั่นตั้งใจ
เพื่อสร้างประเทศไทย เราไม่นิ่งเฉยดูดาย 
แต่จะลุกขึ้นยื่นมือมาช่วยเหลือกัน ทุกๆ คนบนผืนแผ่นดินไทย
สามารถเป็นอาสาสมัครผู้อุทิศกำลังความสามารถ
และเวลาอันมีค่าของตนให้แก่ประโยชน์ส่วนรวม
ธนาคารจิตอาสาเป็นพื้นที่ให้ทุกคนได้เข้ามาใช้เพื่อประกาศ
ความตั้งใจที่จะแบ่งปันเวลาให้กับสังคม เวลาเหล่านี้
คือทุนของความมุ่งมั่นตั้งใจของคนไทยทั้งประเทศเป็นทุน
 และหลักประกันความมั่นคงของสังคม เป็นเครื่องชี้ว่าจิตอาสา
คือคุณค่าที่สังคมไทยยึดถือ เพราะการให้เวลาคือการมอบสมบัติล้ำค่า
ที่เราทุกคนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกันให้แก่ส่วนรวม และให้แก่กันและกัน 
จากเดิมที่เราพร้อมจะมอบเวลาให้คนที่เรารัก 
ธนาคารจิตอาสาช่วยเพิ่มช่องทางให้เราสามารถมอบเวลาให้กับสังคม 
ให้กับบ้านที่เรารัก โดยมีระบบแนะนำกิจกรรมอาสาที่เหมาะกับความสนใจ 
ความสามารถ และแบบแผนการใช้ชีวิต/เวลาว่าง
 อีกทั้งมีบริการเสริมความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เตรียมความพร้อม 
ให้กับทั้งอาสาและองค์กร รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
สะท้อนแบ่งปันประสบการณ์หลังกิจกรรม


เวลารวมที่อาสาฝากไว้กับธนาคาร

คือเวลาทั้งหมดที่อาสาได้มาประกาศความตั้งใจเพื่อนำไปทำงานจิตอาสา

เวลารวมของภารกิจที่ต้องการอาสา

คือเวลารวมทั้งหมดของโอกาสในการทำจิตอาสา

เวลารวมที่อาสาได้ปฏิบัติภารกิจไปแล้ว

คือเวลารวมทั้งหมดที่ถูกใช้ในการทำงานอาสาแล้ว



                                                                      อ้างอิงมาจาก:  http://www.preview.jitarsabank.com/welcome/aboutus

                                                                    http://www.facebook.com/iCAREClub




วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

ร้านเจ้ไข่ ประชาชื่น

ร้านเจ้ไข่ ประชาชื่น

ร้านเจ๊ไข่เป็นร้านอาหารที่เน้นขายข้่าวต้มกับอาหารทะเล 
จุดเด่นอยู่ที่อาหารทะเลสดมาก 
ถ้าใครผ่านไปแถวนั้นก็จะสังเกตุเห็นว่า มีร้านอาหารมากมาย
ที่ตั้งติดๆกันเหมือนห้องแถว แต่มีอยู่ร้านเดียวที่คนเยอะมาก
เน้นร้านสุดๆแถบจะไม่ต้องมองป้ายชื่อร้า้นเลย เพราะนั้นคือร้านเจ๊ไข่
และยังมีของหวานไว้รับประทานเพื่อล้างปากกันอีกด้วย
ที่จะแนะนำก็คือบัวลอยไข่หวานและลอดช่องวัดเชษ
 แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ของหวานของร้านเจ๊ไข่แต่เราก็สามารถ
สั่งจากร้านเจ๊ไข่ได้ด้วยเช่นกัน...อร่ิยสุดๆขอบอก 

**ของคาว**









**ของหวาน**




พิกัดความอร่อย : 1300/3 ซอยซอย ประชาชื่น 37 - ประชาชื่น 38 อาคาร 

ทางเข้าสถานีตำรวจประชาชื่น ถนนประชาชื่น แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ

**ยังไงก็ลองแวะไปชิมกันดูนะค่ะ..ของเค้าอร่อยจิงๆ คอนเฟิร์ม..!!**



ข้อมูลอ้างอิง : http://eat.edtguide.com/



                                                                                 

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"10 วิธีในการคลายความเครียด"



ความเครียด เป็นสิ่งที่ล้วนมีอยู่รอบตัวเรา ซึ่งบางครั้งอาจมีสิ่งแวดล้อมต่างๆนำพาความเครียดมาสู่เราโดยไม่รู้ตัว และบางครั้งไม่สามารถรับมือกับมันได้ แต่เราสามารถที่จะผ่อนคลายจากอาการเครียดได้ โดยครั้งนี้นำเสนอวิธีง่ายๆกับการคลายความเครียด ที่ทุกคนสามารถเลือกทำได้ตามใจชอบ......


"10 วิธีในการคลายความเครียด"
1. ฟังเพลง หามุมสงบ
นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบา ๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลงหรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น..เสียงน้ำตก..เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ เชียวล่ะ

2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์ 

ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนังเนี่ยเป็นวิธีที่เวิร์คที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระไม่จมอยู่กับปัญหา แถมระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อนนะว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตาแล้วก็ร้องไห้ออกมาซะให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย

3. โทรหาเพื่อนรู้ใจ 

อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ดีไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งเพียงใดก็ยังต้องการที่พึ่งพิงเสมอ ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสันคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ เพราะการมีคนรับฟังและให้คำปรึกษา จะทำให้ชีวิตที่เอียงกะเท่เร่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า ไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลกไงล่ะ

4. เขียนไดอารี่ 

การเขียนไดอารี่เปรียบเสมือนการเปิดประตูอารมณ์ที่ปล่อยให้ความอัดอั้นตันใจต่างๆ ได้ไหลลงสู่หน้ากระดาษอย่างเป็นอิสระและเป็นส่วนตัวที่สุด เพราะการถ่ายเทความรู้สึกในใจออกมา จะทำให้จิตใจปรับสมดุลได้เร็วขื้น อีกทั้งระหว่างการเขียนไดอารี่นั้นยังถือเป็นการทบทวนความรู้สึกตัวเองที่ดี ที่สุดด้วย ส่วนข้อดีสุดเลิศอีกข้อก็คือ ไดอารี่เป็นเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด เพราะรับฟังเราเสมอและไม่เคยเอาความลับไปบอกต่อไงล่ะ

5. พลังแห่งการสัมผัส 

ลองมองหาใครสักคนช่วยโอบกอดหรือสัมผัสเบา ๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าดูสิ เพราะร่างกายคนเราเวลาถูกสัมผัสเนี่ย จะทำให้เกิดฮอร์โมนที่ชื่อ "อ๊อกซี่โทชิน" ซึ่งมีผลในการลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ช่วยให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

6. สร้างอารมณ์ขัน 

พยายามมองหาเพื่อนที่มีอารมณ์ขันช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง เพราะคนที่หัวเราะง่ายจะมีสุขภาพจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลง (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด) แถมยังช่วยเสริมสร้างระดับของ "อิมโมโนโกลบูลินเอ" ซึ่งเป็นสารแอนตี้บอดี้ที่สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้นหัวเราะเข้าไว้ แล้วจะดีเอง

7. สูดกลิ่นหอม

รู้หรือเปล่าว่า...กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์มีผลในการช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียด ๆ ก็ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้สิ อย่างกลิ่นกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยในน้ำอุ่นกำลังดี แล้วนอนแช่ตัวให้เพลินสักครึ่งชั่วโมงก็ได้ กลิ่นหอมจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเชียวล่ะ

8. ไปตากอากาศ 

หาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์กับชีวิตท่ามกลางธรรมชาติสักพัก สิ หายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด แล้วก็นอนให้มากที่สุดเท่าที่อยากจะนอน เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่แบบไม่ทราบสาเหตุเนี่ยมันมาจาก ชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป เพราะฉะนั้นหลบไปนอนตากน้ำค้างดูดาวเสียบ้าง หัวใจจะได้ชาร์จพลังได้ดีขึ้น

9. หาสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อน 

ลองหาสัตว์เลี้ยงสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นก็ไม่ เลวนะ เพราะการให้เวลากับสัตว์เลี้ยงตัวโปรด คุยเล่น หยอกล้อกับมันเสียบ้าง จะช่วยให้จิตใจอันแสนจะฟุ้งซ่าน สงบลงได้ แถมรู้จักการให้และมองโลกในแง่ดีมากขึ้นอีกต่างหาก ที่สำคัญยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วยนะ

10. จินตนาการแสนสุข 

อีกทางเลือกสำหรับการบรรเทาความหดหู่ในส่วนลึก เป็นการดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน ทำได้โดยหลับตาแล้วหายใจลึก ๆ จากนั้นก็สร้างจินตนาการถึงความฝันที่วาดหวังเอาไว้ หรือแม้แต่ความหลังอันแสนสุขที่เคยมีการดึงความสุขจากจินตนาการมาใช้จะ ทำ ให้เกิดพลังสร้างสรรค์ในหัวใจ และยังช่วยสลายความเครียดข้างในได้เป็นอย่างดี ทำแบบนี้เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองรู้สึกดีแบบทันตาเห็น

ข้อมูลอ้างอิงมาจาก  www.teenee.com

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิธีการบริหารใบหน้าให้กระชับ



วิธีการบริหารใบหน้าให้กระชับ

        การบริหารใบหน้าให้กระชับและได้รูปหน้าที่อ่อนวัยทำได้ไม่ยาก ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้หญิงและการบริหารใบหน้านั้นสามารถทำได้ง่ายและสามารถทำได้กับทุกเพศทุกวัย ทุกสถานที่ โดยช่วยในเรื่องประหยัดด้านค่าใช้จ่ายในการทำศัลยากรรมและการลบเลือนริ้วรอยที่แก่ก่อนวัย การบริหารใบหน้านั้นสามารถปรับรูปหน้าให้กระชับและเต่งตึง โดยครั้งนี้จะแนะนำขั้นตอนง่ายๆในการบริหารใบหน้ามาเสนอ ซึ่งสามารถทำตามได้อย่างง่ายดาย โดย 7 ขั้นตอน ดังนี้

1. การทำใบหน้าเรียว :

     อ้าปากแล้วห่อริมฝีปากคร่อมฟันหน้าไว้ ดึงมุมปากไปทางฟันหลังและห่อปากให้แน่น ทีนี้ให้นึกภาพซีกหน้าด้านข้างของคุณเคลื่อนช้าๆ ผ่านขากรรไกรขึ้นไปข้างบนศีรษะ พยายามดันพลังที่อยู่ในจิตนี้ไปตามใบหน้าด้านข้างกระทั่งรู้สึกถึงความร้อนผ่าว ค้างไว้ในท่านี้ขณะนับ 1-30 จากนั้นทำตัวตามสบาย ทำซ้ำวันละ 2 ครั้ง

2. กระชับคางและลำคอ  :

นั่งตัวตรงเชิดคางสูง หุบปากให้สนิทและฉีกยิ้ม วางมือลงตรงฐานลำคอเหนือไหปลาร้าทั้งสองข้างแล้วดึงผิวหนังลำคอเบาๆ เอนศีรษะไปข้างหลังปล่อยคอตามสบายคุณจะรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อคางและลำคอถูกรั้ง เอนศีรษะกลับสู่จุดเดิม ทำท่านี้ 35 ครั้ง จะช่วยให้ลำคอกระชับไม่เหี่ยวย่น "การลดน้ำหนักก็ส่งผลเสียต่อผิวเช่นกัน หากคุณอายุ 40 ปีขึ้นไป และลดน้ำหนัก 6-12 กิโลกรัมขึ้นไป คุณจะเห็นรอยย่นที่คอของตัวเองอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับแรงโน้มถ่วงที่มีผลทำให้ผิวหย่อนยาน"

3. กระชับขากรรไกร :

ฉีกยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้คล้ายการแสยะยิ้ม หงายศีรษะไปด้านหลังขณะที่ยังฉีกยิ้มอยู่ ค่อยเปิดปากและปิดปากช้าๆ 3 ครั้ง รับรองเห็นผลและช่วยกระชับขากรรไกรไม่ให้หย่อนยาน
4. กระชับขากรรไกร แก้ปัญหา "บางคนไม่มีคางสองชั้น แต่มีแอ่งข้างลำคอและย่นตรงกลางที่เรียกว่า คอย่น"  :

นั่งตัวตรง หายใจเข้าลึกๆ ค่อย ๆ หงายศีรษะไปด้านหลัง ตอนนี้ให้หายใจออก ดึงริมฝีปากล่างขึ้นมาในทิศทางเดียวกับจมูก ทำท่านี้ค้างไว้นับ 1-5 กลับสู่ท่าเดิมและผ่อนคลายทำซ้ำ 3 ครั้ง
5. กำจัดรอยย่นที่หน้าผาก :

หลับตาและหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลายหน้าผากโดยทำคิ้วต่ำๆ เอามือข้างหนึ่งวางทับบนมืออีกข้าง เอานิ้วมือสอดเข้าหากัน ใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ จากบนคิ้วขึ้นไปหาเนินผม หายใจเข้าลึกๆ ขณะหายใจออก ให้ใช้นิ้วค่อย ๆ นวดคลึงตามรอยย่นจากกลางหน้าผากออกไปหาขมับทำซ้ำช้าๆ 7 ครั้ง
6. กระชับแก้ม :

ฉีกยิ้มกว้างๆ พยายามฝืนตัวเองให้ฉีกยิ้มกว้างออกไปอีกกระทั่งคิ้วเลิกสูงขึ้น ใช้ปลายนิ้วดึงมุมปากทั้งสองข้างขึ้นไปทางใบหู ผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า ทำซ้ำ 10 ครั้ง
7. กระชับเปลือกตาหย่อนยาน :

ท่านี้ทำได้ทั้งตอนนั่งหรือนอนราบ วางนิ้วชี้ทั้งสองกดบนหน้าผากบริเวณเหนือคิ้ว ขณะทำให้เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นลดคิ้วลง ทำซ้ำ 10 ครั้ง จากนั้นให้เลิกคิ้วขึ้นค้างไว้ ขณะที่นิ้วชี้ทั้งสองก็ยังกดบนหน้าผากอยู่ ทำค้างไว้นับ 1-30 จากนั้นลดคิ้วลงและเอามือออก ใช้นิ้วนวดวนบริเวณหน้าผากเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ข้อมูลอ้างอิง : แครอล แมกจิโอ (ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวพรรณ)
,The New Facercise ; www.n3k.in.th